เบอร์นาโด แบร์โตลุคชี่ ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขาสมคบกับ “มาร์ลอน แบรนโด” เพิ่มบทข่มขืนลงไปในหนัง Last Tango In Paris โดยไม่ได้บอก มาเรีย ชไนเดอร์ ที่อายุแค่ 19 ปีในตอนนั้นก่อน สิ่งที่เขากับ แบรนโด นัดแนะ และเพิ่มเติมลงไปในบทก็คือการ “ใช้เนย” มาเป็นตัวหล่อลื่นเท่านั้น หนังอื้อฉาว Last Tango In Paris กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อมีการเปิดเผยคลิปสัมภาษณ์ผู้กำกับ เบอร์นาโด แบร์โตลุคชี่ เมื่อ 3 ปีก่อนที่กล่าวว่าเขา “รู้สึกผิด” แต่ “ไม่เสียใจ” ที่แอบวางแผนให้ มาร์ลอน แบรนโด เล่นบทข่มขืนนักแสดงสาว มาเรีย ชไนเดอร์ ทางทวารหนัก โดยใช้เนยเป็นเครื่องหล่อลื่น และไม่ได้บอกนักแสดงฝ่ายหญิงก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า “ผมไม่อยากให้ มาเรีย แสดงท่าทางอับอาย และความเดือดดาล แต่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่การแสดง ให้เธออับอาย และเดือดดาลจริงๆ” ซึ่ง ชไนเดอร์ ที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ 5 ปีก่อนได้เคยให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ว่าเธอรู้สึกอับอาย และเหมือนโดนข่มขืนจริงๆ จากทั้ง แบรนโด และ แบร์โตลุคชี่ แม้จริงๆ แล้วเธอกับเขาจะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันจริงๆ ก็ตาม แม้เรื่องนี้จะเป็นที่รับทราบมาหลายปีแล้ว แต่การให้สัมภาษณ์ของ แบร์โตลุคชี่ ก็คือการยืนยันทุกสิ่งด้วยตัวเอง จนทำให้ตอนนี้เขาถูกประณามอย่างรุนแรงว่าสิ่งที่ แบร์โตลุคชี่ กับ แบรนโด ทำเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และน่าขยะแขยงมาก จนมีการเรียกร้องถึงขั้นให้ทำลายหนังเรื่อง Last Tango In Paris ทิ้ง และไม่ควรมีการนำหนังเรื่องนี้มาชมอีกต่อไป กระทั่งล่าสุด “เบอร์นาโด แบร์โตลุคชี่” ได้ออกมาอธิบายความเพิ่มเติมผ่านแถลงการณ์ที่เผยแพร่ทาง The Variety และยืนยันว่าทุกคนกำลังเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต และ แบร์โตลุคชี่ ยังอ้างว่ากว่าเขาจะทราบว่า “ชไนเดอร์” รู้สึกไม่พอใจกับการเล่นฉากนี้ ก็เมื่อหลายปีผ่านไป “ผมอยากจะแสดงความชัดเจนเป็นครั้งสุดท้าย เกี่ยวกับความเข้าใจผิดที่ไร้สาระ ที่สื่อพยายามสร้างประเด็นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับหนัง Last Tango In Paris เมื่อหลายปีก่อนเคยมีคนถามผมเกี่ยวกับ “ฉากเนย” ซึ่งผมอาจจะพูดอะไรที่ไม่ค่อยชัดเจนไปว่า ผมกับ มาร์ลอน แบรนโด ได้ตัดสินใจที่จะไม่บอกเธอว่าจะมีการใช้เนย เราอยากจะได้ปฏิกิริยาเฉียบพลัน จากการใช้สิ่งนั้น ซึ่งสุดท้ายกลับทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น” “มีคนคิดว่า มาเรีย ไม่ได้รับทราบว่าเธอจะต้องเล่นบทที่ถูกกระทำรุนแรง แต่นั่นไม่จริงเลย! มาเรีย ทราบดี เพราะเธอต้องอ่านบทก่อน ซึ่งก็ระบุเอาไว้ทุกอย่างอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่มีการคิดขึ้นมาใหม่ก็คือการใช้เนยเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นอีกหลายปีผมถึงได้ทราบว่าเป็นสิ่งที่ฝืนใจเธอ แต่ไม่ใช่เพราะการถูกกระทำในฉากนั้น ซึ่งเขียนเอาไว้ในบทภาพยนตร์” Last Tango In Paris เป็นเรื่องราวของหญิงสาวแรกรุ่นชาวปารีเซียงที่สดใสร่าเริงชื่อ ฌาน(Maria Schneider)เธอเป็นหญิงสาวที่มีความฝันเ่ช่นเดียวกับหญิงสาวคนอื่นๆ อยากมีชีวิตที่ดี ได้แต่งงานกับคนรักในชุดอันสวยหรู ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ขณะเดียวกันก็ยังอยู่ในวัยแห่งความอยากรู้อยากลอง เรื่องราวเกิดขึ้นในวันหนึ่งขณะที่ฌาน เข้าไปดูอพาร์ทเม้นท์เพื่อเช่าพักอาศัยในกลางกรุงปารีส เธอได้พบเจอกับชายอเมริกันวัยกลางคน ผู้มีท่าทางเคร่งขรึม ชื่อพอลล์(Marlon Brando) ผู้ซึ่งกำลังมองหาอพาร์ทเม้นท์เพื่อเช่่าเช่นเดียวกัน เขาและเธอพบกันในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ โดยปราศจากความยับยั้งชั่งใจ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันในตอนนั้นเอง หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป วันต่อมาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฌานต้องมาที่นี่อีกเพื่อพบกับพอลล์ หลังจากมีความสัมพันธ์กันในครั้งนี้ พอลล์บอกกับฌานว่า เรามาตั้งกติกากันในการพบเจอกันที่นี่ว่า ต่างคนต่างจะไม่ถามเรื่องราวส่วนตัวของกันและกัน จะพบกันเพียงแค่มีความสัมพันธ์กันเท่านั้น ซึ่งฌานก็ตกลง ราวกับว่าทั้งคู่ต่างพบหลุมหลบภัย จากโลกแห่งความจริงที่ต่างคนต่างเผชิญอยู่ พอลล์นั้นเป็นชายวัยกลางคนที่กำลังตกอยู่ในมรสุมชีวิตหลังจากที่พบว่าภรรยาของเขาฆ่าตัวตาย และทิ้งโรงแรมเล็กๆ ให้เขาดูแลต่อ ไม่เพียงแค่เธอทิ้งเขาไป เขายังรู้อีกว่า ที่ผ่านเธอไม่เคยรักเขาเลย ในยามนี้มีเพียงอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้เท่านั้นที่เป็นที่หลบหลีกจากโลกความเป็นจริงที่เขาไม่อยากรับรู้มัน และที่นี่มีฌาน ผู้หญิงแปลกหน้าวัยคราวลูกเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา เขาสามารถสบถคำหยาบคายออกมาได้ แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้โดยไม่ีต้องระวังตัว ส่วนฌานเอง เธอมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นชายหนุ่มอนาคตไกล เขาและเธอจะเข้าพิธีวิวาห์ในเร็ววันนี้ การได้พบกับพอลล์เปรียบเหมือนการเปิดโลกใหม่ๆให้เธอ ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายคนนี้ เป็นความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด แต่เธอก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้หยุดมาที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ไม่ได้เลย ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ เป็นต่างฝ่ายต่างระวังกัน โดยเฉพาะพอลล์เอง หลายๆ ครั้งที่ฌานพยายามเล่าเรื่องตัวเอง เขาก็บอกให้หยุด แม้ในช่วงฌานเผลอบอกรักเขา เขาก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เข้าใจ ถ้ามองให้โรแมนติกแบบในนิยายไทย ก็เป็นเรื่องนางฟ้ากับซานตานอะไรทำนองนั้นได้เลย เพราะตาพอลล์นี่ดูงี่เง่าเอาแต่ใจตัวเองมาก ในช่วงสุดท้ายกลับกลายพอลล์ที่พยายามเดินเข้าหาฌาน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีศพของภรรยา เคลียร์ตัวตนในอดีตจบสิ้น เขาออกมาเผชิญกับโลกแห่งความจริง และขอเธอแต่งงาน ถึงตอนนี้ฉันก็ลุ้นไปว่าเรื่องจะจบแบบไหน แฮปปี้เอนดิ้งแบบนิยายไทยไหม ที่นางเอกจะยกเลิกงานแต่งงานกับคู่หมั้นมาแต่งงานกับชายวัยกลางคนแต่หล่ออย่างพอลล์ :P หลายๆคนคงคาดหวังเช่นนั้น เพราะเราเห็นเรื่องแบบนี้เยอะแยะในนวนิยาย แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ฉันตื่นจากโลกความฝัน.. ถามตัวเองว่า ถ้าเป็นเราก็คงจะตัดสินใจแบบฌาน เพราะโลกความฝันกับโลกความจริงน่ะมันต่างกันSoundtrack : Sub Thai (ดูแล้ว)
หมวดหมู่หนัง
ปีที่หนังเข้าฉาย